วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภูสอยดาว (หน้าหนาว)...ที่ผ่านมา...

เผลอแป๊บเดียวก็จะสิ้นปีอีกแล้ว อีกไม่กี่เดือนเองเวลามันเดินเร็วจริงๆ เพื่อนๆว่าไหมครับ หลายๆเรื่องที่คิดไว้เมื่อต้นปีบางเรื่องทำไปแล้วและอีกหลายๆเรื่องก็ยังไม่ลงมือทำเลย ดูๆแล้วปีนี้น่าจะทำไม่ทันงั้นขอยกยอดไปปีหน้าล่ะกันเนอะ ^^ ณ เวลานี้หลายๆคนคงเริ่มวางแพลนเที่ยวไว้แล้วแหละ เพราะใกล้ปีใหม่ใกล้จะถึงวันหยุดยาวกันแล้ว ใครไปเที่ยวที่ไหนก็อย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันบ้างน่ะครับ ^^ วันนี้ผมมีสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำ สำหรับคนที่ชอบอากาศบริสุทธิ์ เดินเขา เหมาะสำหรับขาลุย สถานที่นั้นก็คือ "ภูสอยดาว" นั่นเองครับ เป็นทริปที่ผมไปมาเมื่อต้นปีครับ วันนี้เลยอยากเอารูปมาให้ดูกัน พร้อมแล้วไปกันเล๊ยย...

ทริปนี้ไปกันสองคนน่ะครับ แต่ขากลับได้เพื่อนเพิ่มมาอีกสามคน ^^ พวกเรานั่งรถสาธารณะไปน่ะครับทั้งหมดก็สามต่อ รถทัวร์จากหมอชิต ต่อด้วยรถบัสไปอำเภอชาติตระการ และนั่งรถสองแถวเข้าไปอุทยานครับ รวมๆแล้วใช้การเดินทางประมาณสิบชั่วโมงได้ เพลียเลยขอบอก
เมื่อไปถึงก็ทำการลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ แล้วค่อยเดินขึ้นครับ เมื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย พร้อมแล้วก็ลุยเลยคร้าบ




ที่นี่เขาก็มีลูกหาบให้น่ะครับใครอยากเดินสบายๆ ก็จ้างพี่ๆเขาได้น่ะครับ


ระยะทางจากที่ทำการไปถึงลานสน ประมาณ 6.5 กม.ครับเดินขาลากกันเลยทีเดียว



เมื่อเดินใกล้ถึงลานสนก็จะเจอวิวสวยๆแบบนี้แหละจ้า อากาศนี่ไม่ต้องพูดถึงมัน "ดีมากๆ" บอกเลอ...ธรรมชาตินี่มันยิ่งใหญ่จริงๆเนอะ ทั้งสวยงาม ทั้งทำให้อากาศบริสุทธิ์ ผมนี่หลงรักต้นไม้ภูเขาแล้วล่ะตอนนี้ ^_^





เหล่าบันดาสมาชิกของเราฟินกับอากาศข้างบนเอามากๆ ครับ อากาศไม่ร้อนมากกำลังดีเลยตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ 

นั่งชมวิวไปถ่ายภาพไปชิวมากๆ ฮ่าๆ


พวกเราใช้เวลาในการเดินขึ้นไปลานสนประมาณ4ชั่วโมงได้ครับกับระยะทาง 6.5 กม.เดินไปพักไปเจอผู้คนเดินผ่านก็ทักทายตามระเบียบบางคนเพิ่งลงมา บางคนก็เดินแซงเราขึ้นไป ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน ฟิตเหลือเกิน ไอ้เราเดินไม่เท่าไหร่ก็หอบแฮ็กๆ 555+


ตรงเนินมรณะนี่ทางขึ้นจะชัดมากๆ ต้องเดินระมัดระวังกันหน่อย ไม่งั้นลื่นหัวฟาดพื้นไม่รู้ด้วยน๊าา ^^ 

ถึงแล้วคร้าบลานสนภูสอยดาว จากระดับความสูง 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไหนๆก็มาแล้วถ่ายรูปหน่อยแร๊ววว...และแน่นอนว่าไม่เคยมีท่าโพสดีๆกับเขาเล๊ย




เมื่อพักให้หายเหนื่อยก็เดินสำรวจรอบๆครับ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ แต่มีอย่างนึงที่แปลกใจคือทำไมมีแต่ต้นหญ้าตอนดูในเว็บมันมีดอกไม้ด้วยนี่หว่า พอไปสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ความว่า "ต้องมาช่วงหน้าฝนครับ " จบปิ๊ง ! พลาดดอย่างแรง แต่ไม่เป็นไรมาช่วงนี้ก็ดีไปอีกอย่างคือ "อากาศดี" ที่นี่เขามีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกด้วยน่ะครับ งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า...


นี่แหละครับจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน มันสวยมากๆ ถ้ามองด้วยตาเปล่า ลมหนาวพัดมากระทบเข้ากับตัว วู้วว...เย็นจุงเบย ให้ทายว่าวันนั้นอาบน้ำไหม หึๆ ฝันไปเถอะ ไม่อาบค๊าบบ ^^ อากาศแบบนี้อาบน้ำก็บ้าแล้ว 


บรรยากาศลมเย็นๆ วิวสวยๆแบบนี้มันเหมาะมากเลยน่ะครับ ที่จะไปยืนดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากับคนรู้ใจ คุณลองจินตนาการดูซิครับ ลมเย็นๆพัดมายืนข้างๆกันจับมือกัน โอ้ยย...คิดแล้วฟินจริงๆ อยากจะมีโมเม้นแบบนี้บ้างจังเย้ย(เสียงสูง)

ต้องขอบอกว่าตอนกลางคืนที่นี่ดาวเต็มท้องฟ้าเลยครับ สวยมากๆ(แต่ผมถ่ายมาไม่สวย^^)ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสามเพื่อที่จะออกมาถ่ายดาว เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นสามรอบ ครั้งแรกตื่นมาปิด ครั้งที่สองปิดอีก ครั้งที่สามพี่ที่นอนเต็นท์เดียวกันบอกไปๆ ถ่ายดาวกัน ที่ไม่ยอมลุกออกจากเต็นท์เนี่ยเพราะมันหนาวครับ หนาวมากๆถุงนอนเอาไม่อยู่ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ออกมา

ในมือมีเพียงไฟฉายหนึ่งกระบอก เดินไปกันสองคนที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตอนตีสาม คือลมเย็นมากกกกกก (สังเกตุจาก ก.ไก่หลายตัว)เดินไปตัวสั่นไปมือที่ถือกล้องกับไฟฉายสั่นระริก เพิ่งรู้ว่าวิวตอนตีสามบนท้องฟ้านี่สวยงามมากๆเลยแหละ


ภาพนี้ตอนตีห้ากว่าๆ อากาศดี๊ดี 


หกโมงเช้าแสงแดดก็เริ่มมาล่ะ ส่วนผมก็ยืมชมวิวชิวๆ ชีวิต Slowlife จริงๆ การเงินก็สโลไปด้วยน่ะ ฮ่าๆ หมดเวลาเที่ยวก็ต้องกลับไปทำงานๆ แล้วเอาเงินมาเที่ยวอีก ^^ ชีวิตจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆสำหรับคนที่ชอบเดินทาง 


เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอยากคุยโทรศัพท์ให้มาที่เสานี้ครับ แต่มีเฉพาะ AIS น่ะครับค่ายอื่นไม่มีจ้า


ไหนๆก็มาแล้วเอาซักแช๊ะดิ! เหมือนเดิมท่าโพสดีๆไม่เคยมี กระโดดแล้วสี่ห้ารอบได้ออกมาเป็นแบบนี้เพราะเหนื่อยแล้ว ฮ่าๆ เมื่อสนุกกันเต็มที่แล้วก็ได้เวลากลับล่ะครับ ทีแรกกะว่าจะมานอนสองคืน แต่ผมติดถ่ายงานแต่งให้เพื่อนครับ เลยรีบกลับ ^^ เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็พร้อมเดินลงกันแล้ว อ้อลืมบอกไปขยะที่เราเอามา(เศษถุงขนมที่เราเอามานั่นแหละ)ขากลับต้องเอากลับลงไปด้วยน่ะครับ เพราะฉะนั้นใครจะเอาอะไรมาเยอะๆก็คิดให้ดีๆน่ะครับ ขากลับจะได้ไม่ต้องแบกขยะกลับไปเยอะๆ ผมว่าตรงนี้มีข้อดีมากๆเลยน่ะครับ ขยะจะได้ไม่ล้นป่า(อุ๊ยดูอลังการ^^)


เดินไปถ่ายรูปไป

พวกเราเริ่มเดินลงจากลานสนประมาณ 09.00น. ไปถึงสำนักงานข้างล่างก็ประมาณ 12.00น.ครับอย่างแรกที่ทำเลยเมื่อถึงข้างล่างคืออาบน้ำครับ ไม่อาบมาคืนนึงเจอน้ำเข้าไปนี่รู้สึกสดชื่นมว๊าก ขอบอกน้ำเย็นชื่นใจจริงๆ

ทั้งหมดนี่คือ สามชิกทริปนี้ครับขอบคุณทุกคนมากๆน่ะครับ การเดินทางมันทำให้เราได้เจออะไรหลายๆอย่าง ที่ไม่คิดว่าจะเจอในชีวิตนี้ เจอธรรมชาติที่สวยงาม เจออากาศที่ดี เจอวิถีชีวิตของบ้านเมืองต่างๆที่เราผ่านทาง เจอเพื่อนๆพี่ๆใหม่ๆ การเดินทางคอยเปิดประสบการณ์ใหม่ๆเปิดมุมมองใหม่ๆมีคำๆนึงที่ได้ยินติดหูมาตลอดเลยคือ "ชีวิตคือการเดินทาง" อาจจะไม่ใช่แค่เดินทางท่องเที่ยว อาจรวมถึงเดินทางในชีวิต การเรียน การทำงาน และการพักผ่อน แน่นอนแหละครับโลกมันยังหมุน มันยังเคลื่อนไหวตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ต่างจากเราที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าหยุดเคลื่อนไหวเมื่อไหร่นั่นคือคุณได้"จากโลกนี้ไปแล้ว" ทริปหน้าถ้ามีโอกาสไว้ไปเที่ยวด้วยกันอีกน่ะครับ

"สวัสดีครับ"





Text:woody luffy
Photo:Luffy_Photo
Flickr:https://www.flickr.com/photos/127687743@N06/?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Disqus Shortname

Comments system