ก่อนอื่นเลยต้องขอกล่าวคำว่า "สวัสดีปีใหม่" นะครับทุกๆท่าน ก้าวเข้าปีใหม่แล้วใครตั้งใจจะทำอะไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จน่ะครับ เงินทองไหลมาเทมา ร่ำรวยกันถ้วนหน้า จ้า
เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าปีใหม่ทั้งทีหลายๆคนคงจะหาที่เที่ยวกัน ผมก็มีอีกสถานที่นึงมาแนะนำ ซึ่งต้องบอกว่าถ้าได้ไปแล้วคุ้มค่าแก่การเดินขึ้นไปจริงๆ นั่นก็คือ "ภูสอยดาว" นั่นเองครับ ซึ่งผมไปเป็นปีที่สองติดต่อกันเลย ครั้งนี้พาเพื่อนไป(เป็นไกด์ให้ อิอิ) ปีที่แล้วผมไปพอไปถึงปุ๊บคิดเลยว่าต้องพาเพื่อนมาให้ได้ 555+ หลอกมันมาเดินขึ้นเขา
นี่คือโฉมหน้าลูกทริปเรา ^^ เริ่มจากการเดินทางจาก กทม.เลยดีกว่าครับ ครั้งนี้ผมไปรถสาธารณะน่ะครับ แผนการคร่าวๆ คือนั่งรถจากหมอชิตไปลง บขส.พิษณุโลก แล้วต่อรถไป อ.ชาติตระการ แล้วต่อรถไปอุทยานภูสอยดาว
"ค่าใช่จ่ายในการเดินทางเดี๋ยวจะสรุปให้ท้ายๆบทความน่ะครับ"
พวกเราเดินทางด้วยรถทัวร์ ราคาตั๋ว 270 บานถ้วน (ถ้าไปช่วงเทศกาลแนะนำให้จองตั๋วไว้ก่อนน่ะครับ )
เวลารถออก 19:50 น. พวกเราเดินทางเย็นวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่คนออกต่างจังหวัดกลับบ้านกันหมอชิตก็เลยเนืองแน่นไปด้วยผู้คนหลายพันคน
เมื่อถึงเวลารถก็ออกตามเวลาครับ ระหว่างนั่งบนรถก็หลับบ้างตื่นบ้างพอมารู้สึกตัวอีกทีก็ถึง บขส.พิษณุโลกแล้วครับ มองดูนาฬิกา 03.00 น. ประเด็นคือต้องรอรถบัสเพื่อไป อ.ชาติตระการ ตอน 05.00 น. นี่ซิครับ เวลาที่เหลือก็ไม่รู้จะทำอะไรก็นั่งๆนอนๆคุยกันบ้างนิดหน่อย แต่แล้วเวลา 04.00 น. รถมาจ้าา ตกใจมาเร็วจัง พอดีคนแถวนั้นเขาบอกว่าถ้าเป็นเทศกาลรถจะมาเร็วมีรอบ 04.00 น. กับ 05.00 น.
ราคาตั๋วประมาณ 87 บาท (ถ้าจำไม่ผิดน่ะครับ ไม่เกินนี้)
รถจะแวะที่ บขส. อ.นครไทยก่อนน่ะครับแล้วค่อยไปต่อที่ อ.ชาติตระการ พวกเราถึง อ.ชาติตระการประมา 08.00 น. ครับ ลงรถปุ๊บจะมีคนมาถามเลยว่าไปไหน เหมารถไหม ต่างๆนาๆ แน่นอนครับ เหมาซิรอไร !! 555+ เฉลียค่ารถอยู่ที่ 900 บาท รวม 6 คนก็ตกคนล่ะ 150 บาท เมื่อได้รถแล้วก็ไปซื้อของกินของใช้ที่ตลาดเลยครับ อย่าลืมหาอะไรกินข้าวเช้าให้เรียบร้อยน่ะครับ ไปถึงอุทยานจะได้พร้อมลุยเลย
สนุกสนานกับการถ่ายรูป |
เอาล่ะเมื่อเราทำการจ่ายตลาดหาเสบียงเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็พร้อมออกเดินทางสู่อุทยานภูสอยดาวครับ
เมื่อไปถึงอุทยานก็ทำการลงทะเบียนขอเข้าพักครับ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ บัตรประชาชนคนใดก็ได้คนนึง(ถ้าไปหลายคน) เงินไว้จ่ายค่ามัดจำ ^^ ค่าใช่จ่ายจะมีดังนี้
1. ค่ามัดจำ 200 บาท
2. ค่าเข้าพักคนล่ะ 30 บาท
ส่วนค่าลูกหาบน่าจะกิโลล่ะ 35 บาทครับ ทีมผมไปไม่จ้างครับแบกเอง (รู้งี้น่าจะจ้างเพราะทั้งหนักและเหนื่อย 555+) ก็จะมีเอกสารให้กรอกนิดหน่อย เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะมีกระดาษแผ่นเหลืองๆกับป้ายหมายเลข ส่วนนี้ต้องเก็บให้ดีเพราะต้องเอามาคืนเจ้าหน้าที่ตอนลงมาข้างล่าง ส่วนใครที่ไม่ได้เอาถุงนอนมาหรือเต็นท์ก็มีให้เช่าครับ ราคาเต็นท์ผมไม่รู้ว่าคืนล่ะเท่าไหร่ แต่ถุงนอน ประมาณ 40 บาท (แต่เก็บจริงๆตอนลงมาจ่ายข้างล่าง เขาคิดค่าลูกหาบ รวมเป็น 120 บาท ครับ)
เนินมรณะ |
ภูเขาแต่ล่ะลูกเขาจะมีชื่อประจำของเขาน่ะครับ แต่ผมจำไม่ได้เลยจำได้ที่เดียวคือ "เนินมรณะ" เพราะว่ามันชันมาก ยอดเขาที่เห็นนั้นคือเราต้องเดินขึ้นไปน่ะครับ ตรงนี้แหละทำเอาขาผมจะเป็นตะคริวเลยทีเดียว ต้องหยุดพักนิดหน่อยแล้วเดินต่อแล้วก็พัก กว่าจะถึงเหนื่อยฝุดๆครับ
เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วมองรอบๆวิวสวยจริงๆครับ
พอผ่านเนินมรณะก็ จะถึงลานสนล่ะครับ แต่กว่าจะมาถึงเนินมรณะได้นั่นคุณต้องผ่านเส้นทางที่โหดพอสมควร ในส่วนนี้ไม่อยากอธิบายน่ะครับอยากให้มาลองเอง จะได้รู้ว่าสนุกขนาดไหน ^^
เย้ถึงแล้ว "ลานสน" |
ระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,633 เมตร ไหนๆก็มาแล้วถ่ายคู่กับป้ายซะหน่อย
มาภูสอยดาวช่วงนี้จะไม่มี ดอกหงอนนาคน่ะครับ ดอกหงอนนาคนั้นเขาจะออกดอกบานช่วง หน้าฝนครับ
เมื่อถึงลานสนก็เตรียมที่หลับที่นอนครับ เพื่อนอีกส่วนนึงก็ให้ไปเช่าถุงนอนกับถังน้ำ บนลานสนมีห้องน้ำให้น่ะครับ
แอบมองสาวๆซะหน่อย อิอิ
เมื่อกางเต็นท์เสร็จก็ได้เวลาเดินเล่นกันล่ะครับ เดินไปถ่ายรูปไป
เป็นท่าถ่ายรูปที่ชอบมากๆ 555+
นั่งดูพระอาทิตย์ตกสองคนก็โรเมนติกมิใช่น้อย ^^
ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าล่ะครับ ได้เวลากินข้าวกัน ซึ่งก็ง่ายๆครับ "มาม่า" นั่นเอง มองไปเต็นท์ข้างๆโหหห...เมนูอาหารอย่างกับอยู่ที่บ้านแหน๊ะ มีครบสุดยอดจริงๆขนขึ้นมาได้ไง
ตกกลางคืนดาวเยอะจริงๆครับสมกับที่ชื่อว่าภูสอยดาวจริงๆครับ อากาศล่ะครับหนาวไหมตอนกลางคืน(เผื่อมีคนถาม) บอกได้เลยว่า ตอนประมาณสี่ห้าทุ่ม มีเต็นท์ข้างๆเต็นท์ผมพังไปหนึ่งเต็นท์ครับ เพราะลมแรงมาก เจ้าหน้าที่ต้องให้ไปนอนเต็นท์เจ้าหน้าที่แทนครับ คือลมแรงจริงๆครับ หนาวก็หนาว (น่าจะหนาวกว่าปีที่แล้ว ที่ผมไป) ถุงนอนผมมันเล็กไปเอาไม่อยู่ นอนหลับๆตื่นๆเพราะมันเย็น พลิกตัวตลอดเวลา จนกระทั้งเวลา เกือบๆเที่ยงคืนเพื่อนมาปลุกไปเคาท์ดาวน์ ผมบอกมันไปเถอะ กุไม่ออกจากเต็นท์ล่ะ แม่มหนาวววว...เกิ๊น
เวลาประมาณ 05.40 น. เพื่อนก็มาปลุกให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ สิ่งที่เห็นคือ "ขาว" เลยยย น้ำตาจิไหล
ตอนเช้าๆอากาศจะหนาวมากๆครับ มีลมแรงด้วย ขาตั้งกล้องผมเกือบล้มเลยครับ ต้องเอาผ้าคลุมหัวถ่ายเลยครับเพราะอากาศหนาว และลมแรงเดี๋ยวจะไม่สบายเอา
พระอาทิตย์ขึ้นไม่เห็น เห็นแต่แสงแว๊ปๆ น้ำตาจิไหล
ระหว่างเดินลงจากลานสน มาถึงข้างล่างก็แวะถ่ายน้ำตกมาฝากครับ ^^
จากกำหนดการเดิมคือต้องค้าง 2 คืน 3 วัน เพราะวันที่สองจะขึ้นไป 2001 จุดที่สูงที่สุดของภูสอยดาวจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และมีค่าใช้จ่ายคนล่ะ 500 บาทพวกเราเลยเปลี่ยนใจไม่ไปกันเพื่อนบอกเคยอ่านเจอในรีวิวก่อนๆบอกว่าแค่ 300 บาท แต่ ณ วันที่ผมไปขึ้นเป็น 500 บาทครับ ( 31 ธ.ค. 58 - 2 ม.ค. 59 ) ก็เลยเปลี่ยนแผนลงก่อนกำหนด ใช้เวลาเดินลงไปเร็วกว่าตอนขึ้น พอมาถึงอุทยานก็ไปจ่ายค่าถุงนอนค่า ถังน้ำที่เราเช่าอยู่บนนั้น อ้อ ! อย่าลืมนำขยะติดตัวมาตัวน่ะครับ หมายถึงขยะที่เราใช้ครับต้องเอาลงมาด้วยครับ
กินข้าวอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็หารถกลับล่ะครับ บางคนบอกว่ามีรถสองแถวเข้ามา โดยจะมาส่งนักท่องเที่ยวแล้วก็รับเรากลับไป แต่ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวมาก็จะไม่มีสองแถวเข้ามา เพราะฉนั้นเราต้องเหมารถกลับออกไปครับ ผมให้พี่เจ้าหน้าที่หารถให้ครับ ได้ในราคา 1000 บาท เราออกจากอุทยานตอนบ่ายสามโดยจะต้องไปให้ถึง บขส. อ.ชาติตระการก่อน 17.00 น.ครับ เพราะเป็นรถเที่ยวสุดท้ายที่จะเข้า บขส.พิษณุโลก สิ่งที่น่าดีใจคือเราไปทันพอดีครับ แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือเพื่อนป่วยกระทันหันต้องนอน ร.พ. ที่ อ.ชาติตระการ ผมเลยให้เพื่อน อีกสามคนกลับไปก่อน ส่วนผมกับเพื่อนอีกคนนึงต้องหา ห้องพักแถวๆนั้นเพื่อรอเพื่อนอีกคนนึงที่นอน ร.พ. แล้วค่อยกลับตอนเช้า
เป็นทริปที่สนุกสนาน มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลายอย่างมาก 555+ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าต้องเตรียมพร้อมเสมอ จะได้รับมือได้ทันเหตุการณ์
"ขอบคุณเพื่อนรวมทริปทุกๆคนน่ะครับ ทริปหน้าว่ากันใหม่"
:: สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
- ค่ารถไป-กลับ กทม. -พิษณุโลก 540 บาท
- ค่ารถบัสจาก บขส.พิษณุโลก - อ.ชาติตระการ ไปกลับ 174 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน 30 บาท ต่อคน ต่อคืน
- ค่ารถจาก อ.ชาติตระการไป อุทยาน (เหมา 900 บาท หาร 6) คนล่ะ 150 บาท
- ค่ารถจาก อุทยานไป อ.ชาติตระการ (เหมา 1000 บาท หาร 6) คนล่ะ 167 บาท
ปล.ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่รวมค่ากินจิปาถะน่ะครับ ที่บอกมาจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องจ่ายแน่ๆ ส่วนค่ากินหรือซื้อของใช้อื่นๆ แต่ละคนแตกต่างกันไปครับ
"ขอบคุณที่ติดตามอ่านน่ะคร้าบ เจอกันทริปหน้าครับ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น